ผู้อยู่เบื้องหลังการตั้งเมืองขอนแก่น ของ เจ้าจอมแว่น ในรัชกาลที่ 1

หลัง ร. 1 ปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จักรีได้สถาปนาอาดยานางคำแว่นเป็นเจ้าจอมแว่นพระสนมเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาเพียเมืองแสน (คำพาว) กรมการเมืองสุวรรณภูมิญาติเพียเมืองแพน (ศักดิ์) วิวาทกับกรมการเมืองเดิมจึงแยกไปตั้งไพร่พลที่บ้านหนองกองแก้วและรับโปรดเกล้าฯ เป็นพระจันทรประเทศเจ้าเมืองชลบถ (ปัจจุบันคือ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น) ขึ้นเมืองนครราชสีมา[10] ฝ่ายเพียเมืองแพน (ศักดิ์) บิดาอยากเป็นเจ้าเมืองบ้างจึงปรึกษาเจ้าจอมแว่นธิดาซึ่งเห็นดีด้วย ต่อมาเจ้าจอมแว่นทูลโปรดเกล้าฯ ให้บิดาซึ่งยกพลแยกจากเมืองสุวรรณภูมิมาตั้งที่บ้านบึงบอน (ปัจจุบันคือ บ.เมืองเก่า ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น) แต่ พ.ศ. 2332 ขึ้นเป็นเจ้าเมือง พ.ศ. 2340 ร. 1 จึงโปรดเกล้าฯ ให้เพียเมืองแพนเป็นพระนครศรีบริรักษ์เจ้าเมืองขอนแก่นองค์แรก ตั้งนามเมืองตามนามบ้านขามที่ตั้งพระธาตุขามแก่น ทำราชการขึ้นเมืองนครราชสีมาด้วยประชากรเพียง 330 ครัวเท่านั้น[11] ใบบอกเมืองขอนแก่น 28 เมษายน ร.ศ. 109 ระบุโดยละเอียดว่า

เขียนที่ว่าราชการเมืองขอนแก่นฝ่ายเมืองเดิม วันที่ 28 เมษายน รัตนโกสินทร์ศก 109 ข้าพเจ้าอุปฮาต ราชวงษ์ ราชบุตร หลวงพรหมภักดีผู้ช่วย เมืองแสน เมืองจัน ท้าวเพี้ยกรมการเมืองขอนแก่น บอกปรนนิบัติคำนับมายังท่านออกพันนายเวร ขอให้นำขึ้นกราบเรียน พณหัวเจ้าท่านลูกขุน ณ ศาลาทรงทราบ ด้วยเดิมจะตั้งเป็นเมืองขอนแก่น เจ้าคุณแว่นกราบบังคมทูลให้เมืองแพน พาสมัครพรรคพวกแยกออกจากเมืองสุวรรณภูมิ จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตั้งเมืองแพนเป็นที่เจ้าเมืองขอนแก่น หาทันมีอุปฮาต ราชวงษ์ ราชบุตรไม่ เมืองแพนเจ้าเมืองถึงแก่กรรมไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ท้าวคำบ้งบุตรเขยเมืองแพนเจ้าเมือง ขึ้นเป็นที่พระนครเจ้าเมือง โปรดให้ท้าวคำยวงเป็นที่ราชบุตร แต่ที่อุปฮาตราชวงษ์นั้นหาทันตั้งไม่ พระนครคำบ้งถึงแก่กรรมไปจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ตั้งราชบุตรคำยวงเป็นที่พระนครเจ้าเมือง ตั้งท้าวสุวันบุตรพระนครคำบ้งเป็นที่อุปฮาต ตั้งพระราชวงษาบุตรหลานเจ้าเมืองแผนเป็นที่ราชวงษ์ ตั้งท้าวคำพางบุตรพระนครคำยวงเป็นที่ราชบุตร ขึ้นไปครอบครองบ้านเมืองก็โดยยุติธรรม คุมส่วยผลเร่วลงมาทูลเกล้าฯ เสมอทุกปีมิได้ทศค้าง ครั้นอยู่หลายปีราชวงษ์ถึงแก่กรรมไป จึงโปรดเกล้าให้ท้าวอินบุตรพระนครคำยวงเป็นที่ราชวงษ์ ครั้นพระนครเจ้าเมือง อุปฮาต และราชบุตรถึงแก่กรรมไป จึงโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวหนูเข้ามาเป็นเจ้าเมืองขอนแก่น โปรดเกล้าฯ ให้ราชวงษ์อินบุตรพระนครคำยวงเป็นที่อุปฮาต ท้าวมุ่งบุตรพระนครคำยวงที่เป็นพี่ชายอุปฮาตอินเป็นที่ราชวงษ์ ท้าวจันชมภูบุตรอุปฮาตสุวันคนเก่าเป็นที่ราชบุตร อยู่มาได้สามปีจึงโปรดเกล้าฯ ให้พระนครหนู หนีจากเมืองขอนแก่นไปเป็นเจ้าเมืองมุกดาหาร แล้วจึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งอุปฮาตอินเป็นที่พระนครศรีบริรักษ์เจ้าเมือง ราชวงษ์มุ่งเป็นที่อุปฮาต ท้าวขติยะบุตรเขยพระนครคำยวงเป็นที่ราชวงษ์ แต่ราชบุตรยังคงที่ พระนครศรีบริรักษ์พาท้าวเพียประพฤติราชการบ้านเมืองก็เป็นสัจจเป็นธรรม คุมเงินส่วยผลเร่วเมืองขอนแก่น จำนวนปีละยี่สิบแปดช่างแปดตำลึง ลงมาทูลเกล้าฯ เสมอทุกปี ฯลฯ[12]

พงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสานของหม่อมอมรวงศ์วิจิตร (ม.ร.ว. ปฐม คเนจร) ระบุเหตุการณ์ตั้งเมืองขอนแก่นว่า ...ลุจุลศักราช 1159 ปีมเสง นพศก (พ.ศ. 2340) ฝ่ายเพี้ยเมืองแพน บ้านชีโล่น เมืองสุวรรณภูมิ เห็นว่าเมืองแสนได้เป็นเจ้าเมืองชนบท ก็อยากจะได้เป็นบ้าง จึงเกลี้ยกล่อมผู้คนให้อยู่ในบังคับสามร้อยคนเศษ จึงสมัครขึ้นอยู่ในเจ้าพระยานครราชสีมา แล้วขอตั้งบ้านบึงบอนเป็นเมือง เจ้าพระยานครราชสีมาได้มีใบบอกมายังกรุงเทพฯ จึงโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เมืองแพนเป็นที่พระยานครศรีบริรักษ์ เจ้าเมือง ยกบ้านบึงบอนขึ้นเป็นเมืองขอนแก่น ขึ้นกับเมืองนครราชสีมา...[13] เหตุการณ์เดียวกันยังถูกระบุในพงศาวดารอีสานฉบับพระยาขัติยวงศา (เหลา ณ ร้อยเอ็จ) ด้วยว่า ...ได้ทราบข่าวว่าเมืองแพน บ้านชีโล่น แขวงเมืองสุวรรณภูมิ พาราษฎร ไพร่พลประมาณ 330 คน แยกจากเมืองสุวรรณภูมิไปขอตั้งฝั่งบึงบอนเป็นเมือง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เมืองแพนเป็นพระนครศรีบริรักษ์ ผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่น...[14]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เจ้าจอมแว่น ในรัชกาลที่ 1 http://bangkrod.blogspot.com/2011/12/blog-post_27.... http://ps8921.blogspot.com/2011/09/blog-post.html http://www.chalaom.com/forums/?topic=263.10;wap2 http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cac... http://www.khonkaenjob.com/khonkaenjob2.html http://pantip.com/topic/32458543 http://2g.pantip.com/cafe/library/topic/K8512326/K... http://board.postjung.com/783480.html http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply... http://www.sujitwongthes.com/2011/02/